เนื่องจากมีเพื่อนๆ แจ้งกลับมาพอสมควรว่าอยากอ่านบทความเฉพาะด้านการทำงานของผม หมายถึงด้านการสร้างรายได้นะครับ ผมจึงคิดว่าจะทยอยรวบรวม และเรียบเรียงเป็นบทความให้ใหม่ ช่วงนี้งานมาก รอสักระยะหนึ่งนะครับ

ขอบคุณมากครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
55-03-04

A17 : สงสัยผมอาจจะโดนโกงอีกแล้ว ใช่หรือไม่ พรุ่งนี้ (6 พ.ย. 2550) ก็รู้เรื่องครับ ตอนที่ 1

สวัสดีครับทุกคน จากตอนบทนำ ที่ผมมีความรู้สึกว่า ผมและทีมงานอาจโดนขโมยผลงานอย่างแบบที่คำบรรยายใดๆ มาอธิบายได้ รู้สึกแย่มากๆ ที่โดนหักหลัง หรือว่าบ้านเมืองเราจะเป็นเช่นนี้จริงๆ

งั้นเริ่มเรื่องราวนวนิยายจริงของผมอีกครั้งได้เลยครับ

ผมชื่อปรีดา ลิ้มนนทกุล ซึ่งควบตำแหน่งผู้ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ซึ่งสามารถอ่านประวัติของผมอย่างละเอียดได้ที่ Preeda Station ผมผิดหวังมาจากถูกโกงบ่อยๆ จากการเป็นผู้รับเหมาติดตั้งระบบสถานีรับ-ส่งสัญญาณมือถือ เช่นโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งผมก็มีความตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้ลงบล๊อกเหมือนกัน เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ ให้กับผู้อ่านทุกคน

จึงหันมาทุ่มเทงานทางด้านอินเตอร์เน็ตแทน เพราะหวังว่าผมคงไม่ถูกโกงอะไรมากมาย เพราะไม่ต้องซื้อของหนัก ใช้ทุนมาก งานด้านอินเตอร์เน็ต ใช้ความคิดเป็นหลัก ทุนก็น้อย สู้ๆ หน่อย น่าจะพอไปได้ เพราะผมก็ต้องทำมาหากินเหมือนกัน

มีลูกค้าผมคนหนึ่ง ซึ่งขายอุปกรณ์เกี่ยวกับระบบหอกระจายข่าว ได้มานั่งคุยกับผมเรื่องงาน และทราบว่าผมเริ่มมาทำงานด้านอินเตอร์เน็ต ลูกค้าผมคนนี้มีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคกลาง เขาแนะนำให้ผมทำเว็บไซต์ให้ ผู้สมัคร ของพรรคต่างๆ โดยแนะให้รับที่ใดที่หนึ่งไป

จากนั้นผมก็นำความคิดเริ่มต้นตรงนั้นมาคิดต่อยอดจนกลายเป็นโครงการสำคัญ ที่อาจจะพลิกประวัติศาสตร์การหาเสียง สำหรับการเมืองไทย มีชื่อว่า "โครงการ ดึง"พลังเงียบ" สนับสนุนพรรคชาติไทย"

คนแรกที่ผมได้รับโอกาสนำเสนอโครงการนี้ คือ คุณชัยวุฒิ ผู้สมัครจังหวัดสิงห์บุรี ท่านจึงแนะนำให้ผมไปพบคุณปอรัชม์ ที่ดำรงตำแหน่งรองโฆษกพรรค ที่พรรคชาติไทย โดยได้นัดกันวันศุกร์ที่ 5/10/07 ในความรู้สึกของผม คุณชัยวุฒิ น่ารักมาก เป็นคนดีมาก ทราบว่าผมเป็นผู้ทุพพลภาพ มารับถึงหน้าตึก หาโต๊ะให้นั่งชั้นล่าง ใกล้ปลั๊กไฟ เพราะผมขึ้นชั้น 2 ที่เป็นห้องพักของคุณชัยวุฒิไม่ได้ รวมทั้งที่ต้องใกล้ปลั๊กไฟ เพราะโน๊ตบุ๊คของผมถอดแบตเตอร์รี่ออก

และคุณชัยวุฒิยังบอกกับผม และน้องชายกับคุณแม่ไพว่า โครงการนี้น่าสนใจ เพราะเหมือนเป็นการทำการตลาดบนโลกอินเตอร์เน็ต น่าสนใจ แต่พรรคไม่น่าจะสนใจ ลองเข้าไปเสนอดู

วันจันทร์ที่ 8/10/07 พวกเราได้พบคุณปอรัชม์ในร้านกาแฟ ของพรรคชาติไทย ได้นำเสนองาน และได้มีโอกาสคุยกับคุณศิริโชค ซึ่งก็เป็นรองโฆษกพรรคเช่นกัน ในความรู้สึกของผม ทั้ง 2 ท่านน่ารักมากเช่นกัน ทั้ง 2 ได้แนะนำให้เราถึงเรื่อง ควรรอเรื่องกฏหมาย กกต. และควรแยกราคาที่นำเสนอโครงการ ให้แบ่งเป็นสำหรับพรรคฯ และสำหรับผู้สมัคร พวกเราจึงรีบกลับมาแก้ไขรายละเอียดโครงการเป็น version 2.0

ดูเหมือนว่า ในครั้งนี้ ผมและทีมงานได้มีการพูดคุยกับคุณศิริโชคบ่อยครั้งขึ้น และก็ได้รับคำตอบเป็นการส่วนตัวว่าจะให้ทางเราทำเว็บไซต์ส่วนตัวเพื่อช่วยในการหาเสียงในโลกอินเตอร์เน็ต

จากนั้นพวกเราก็ได้รับโอกาสไปมอบกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจคุณบรรหาร หลังแถลงข่าว ในวันพุธที่ 10/10/07 ท่านบรรหารยังถามผมว่า "มาทำอะไร" ผมตอบว่า "ผมนำงานมาเสนอพรรคฯ ผ่านคุณศิริโชคครับ" ท่านก็หันควับไปที่คุณศิริโชคทันที และบอกว่า "เดี๋ยวศิริโชคฝากดูแลด้วยนะ"

เหตุการณ์นี้มีนักข่าวถ่ายทำข่าวมากมาย และได้ออกทีวีด้วยครับ (สามารถตรวจสอบได้)

หลังจากนั้นผมก็ได้พบกับคุณสุรภาธนันท์ (พี่แป้ว) ซึ่งเป็นผู้พิการ และยังเป็นกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย ตามระเบียบครับ ผู้พิการเจอกันเหมือนญาติห่างๆ จึงพูดคุยกันพอสังเขป และผมได้ขอนามบัตรกลับมา

ในความรู้สึกของผม โครงการนี้ดูจะยังไม่ได้รับความสนใจจากพรรคมากนัก

กลับถึงบ้านคืนนั้น ผมรีบโทรหาพี่แป้วทันที เพราะดีใจมากที่พรรคให้ความสำคัญกับคนพิการ และมีโครงการจะดึงเสียงผู้พิการทั่วประเทศ ซึ่งภายในรายละเอียดโครงการนี้ ผมก็นำเสนอเป็นรูปธรรมไว้เช่นกัน คุยไปคุยมา จึงทราบว่า พี่แป้วได้รับการชักจูงจาก อาจารย์มโน โดยพี่แป้วน่าจะลงสมัคร เป็นผู้สมัครในระบบสัดส่วน เขต 3 (พื้นที่จังหวัดเลย)

มาถึงตรงนี้ พี่แป้วน่ารักมาก และผมก็รู้เลยว่า ผู้พิการอย่างพี่แป้วน่าจะช่วยคนพิการท่านอื่นได้ และผมก็ยังทราบต่อมาว่า คุณศิริโชค จะลงสมัครในพื้นที่ กทม. ซึ่งถือว่ายากมากที่จะได้ที่นั่ง และสำหรับส่วนตัวผม ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ไปนำเสนองานกับอาจารย์มโน ซึ่งจบมาจาก Haward และ Oxfords ท่านต้องเข้าใจงานที่พวกเรานำเสนอแน่นอน

ดูท่า โครงการนี้จะพอมีความหวังขึ้นมาบ้างแล้วครับ

วันจันทร์ที่ 15/10/07 ผมและทีมงานได้มีโอกาสนำเสนอโครงการนี้กับอาจารย์มโน ถึง 3 ครั้ง โดยที่อาจารย์มโน ท่านก็ได้นำเสนอกับท่านบรรหารกับคุณท๊อปให้ด้วย แต่พวกผมคงต้องทำการบ้านมาใหม่ เท่ากับเป็น version 3.0 แล้วครับ

ไอเดียแนะนำเพิ่มเติมของอาจารย์มโน คือ การทำเป็นทีวีออนไลน์ และการประชาสัมพันธ์ทาง SMS ซึ่งถือว่าดีมาก และพวกผมก็มั่นใจว่าทำได้

วันจันทร์ที่ 22/10/07 ผมได้มีโอกาสนำเสนอคุณท๊อปโดยตรงเลยครับ พวกเราตื่นเต้นมาก คุณท๊อปก็ดูสนใจโครงการนี้ เพียงแต่ต้องขอดูงบประมาณก่อน และความไม่แน่ใจเรื่องกฏหมายเลือกตั้ง แล้วในเย็นวันเดียวกัน พวกเราซึ่งเตรียมทีมงานชุดใหญ่ไปได้มีโอกาสพบผู้ใหญ่อีกหลายท่านที่ลงปาร์ตี้ลิสต์ (ระบบสัดส่วน) และท่านสุดท้ายที่พวกผมได้มีโอกาสนำเสนอโครงการฯ คือ คุณนาฬิกอติภัค โดยมีคุณศิริโชคช่วยผลักดันตลอดการสนทนา และมีอาจารย์มโน ที่นำคุณนาฬิกอติภัคมาฟังโครงการของพวกเรา และช่วยสนับสนุนเป็นระยะๆ

ในความรู้สึกของพวกผมนั้นดีมากๆ จากการที่ผู้ใหญ่สนใจโครงการ แลความกระตือรือล้นของอาจารย์มโน และคุณศิริโชค ที่เห็นคุณค่าของโครงการนี้ ซึ่งอาจจะช่วยเพิ่มฐานคะแนนเสียงให้พรรคชาติไทย อย่างน่าอัศจรรย์

วันพุธที่ 24/10/07 พวกผมยังได้มีโอกาสนำเสนอโครงการฯ กับผู้ใหญ่อีก 2 ท่านคือ คุณประพัฒน์ และคุณสวัสดิ์ พวกเรารู้สึกเบาใจขึ้น คราวนี้พวกเราน่าจะมีโอกาสได้ทำโครงการนี้ บวกกับกฏหมายการเลือกตั้ง ก็ค่อนข้างเข้มงวดในการประชาสัมพันธ์ ในรูปแบบเดิมๆ ดังนั้นการประชาสัมพันธ์บนโลกอินเตอร์เน็ต ถือว่าเป็นทางออกที่น่าสนใจมากๆ รวมทั้งยังสร้างภาพลักษณ์ใหม่ๆ ให้กับพรรคชาติไทยได้ แถมผมยังมีแผนแถลงข่าวว่าพรรคชาติไทย สนับสนุนให้ใช้คนพิการในโครงการนี้ด้วย จึงเป็นการสร้างภาพลักษณ์ และสามารถพูดได้เต็มปากว่า พรรคชาติไทยช่วยเหลือคนพิการมานานแล้ว

พวกเราเริ่มไปพรรคชาติไทยบ่อยขึ้น ไม่ใช่เพียงวันจันทร์ และพุธ พวกเราเริ่มคุ้นเคยกับแม่บ้าน พี่ ร.ป.ภ. ที่จะมาช่วยอุ้มลงจากรถ เพราะทราบว่าผมเป็นผู้ทุพพลภาพ ดูทุกอย่างจะราบรื่น อบอุ่น พวกเราน่าจะได้ทำโครงการนี้ มีผู้สมัครหลายท่านแวะเวียนเข้ามาให้ข้อมูล ให้นามบัตร เพื่อจะให้เราทำเว็บไซต์

จนกระทั่งถึงวันพฤหัสบดีที่ 1/11/07 พวกเราได้พบกับคุณกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ซึ่งดำรงตำแหน่ง Assistance to CEO & Business Development Director ของ RS PUBLIC COMPANY LIMITED คุณกอบเกียรติ บอกกับพวกเราว่า

" ทีวีออนไลน์ ไม่ทำแน่ๆ เพราะเป็นภาพเคลื่อนไหว "

" พวกคุณไม่ต้องห่วงนะ พวกคุณได้ทำงานแน่ๆ "

" เราจะเตรียมที่ไว้ให้คุณ เอาตรงห้องนั้นนะ "

" ผมสงสารพวกคุณ เชื่อผมอย่าไปมองที่ตัวผู้สมัครเลย ไม่มีประโยชน์หรอก พวกเขาหลอกคุณ "

" พวกคุณมองที่พรรคดีกว่า แล้วผมจะช่วยคุณ "

" เรื่องนี้สุดที่ผมแล้ว ในพรรคนี้ ไม่มีใครช่วยคุณได้หรอก นอกจากผม "

" ผมจะช่วยคุยให้ แต่อาจจะมาดูงบกันว่า พรรคจะจ่ายให้คุณเท่าไหร่ ถ้ามีงบจำกัด พวกคุณจะทำอะไรให้พรรคได้บ้าง ไม่ต้องห่วงนะ ผมช่วยคุณเต็มที่ "

" พรรคนี้งบประมาณน้อย ผมทำงานให้หลายกระทรวง แค่กระทรวงเกษตรฯ ก็ 60,000 ล้านแล้ว "

" ผมก็ทำพวกนี้อยู่ ผมรู้ดี ผมไม่ทำเองหรอก ผมไม่เอาธุรกิจตัวเองเข้ามายุ่งหรอก "

" ผมขอข้อมูลคุณไป present ผู้ใหญ่ได้ไหม ผมจะช่วยพูดให้ "

" แล้วแต่พวกคุณนะ หรือว่าให้ไม่ได้ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ "


ผมกับทีมงานมองหน้ากัน แล้วผมก็พยักหน้า ให้เขาเอาทรัมไดรฟ์มาโหลดข้อมูลไป ด้วยความไว้วางใจเขา และพรรคชาติไทย

" เดี๋ยวผมให้ลูกน้องมาคุยงานเลย เว็บเล็กๆ แค่ แสนสองแสน แล้วเดี๋ยวให้เอานามบัตรมาให้ "

จากนั้นก็มีผู้ชายรูปร่างใหญ่ ผิวคล้ำ หัวฟู มีนามว่า " ส้มปลิ้น " เข้ามาคุยงานกับน้องๆ ทีมงานของผม ซึ่งเขาบอกว่า งานเร่งมากต้องเสร็จเร็วมาก 3 วัน 5 วันยิ่งดี แต่จนทุกวันนี้ เรายังไม่ได้รับไฟล์งานแต่อย่างใด แต่กลับได้รับการบ่ายเบี่ยง ทั้งๆ ที่เจอหน้ากันที่พรรคในวันรุ่งขึ้น

สักพัก ก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อคุณเบญ พูดกับผมว่า "คุณกอบเกียรติให้เอานามบัตรมาให้ ถ้าติดต่อไม่ได้ให้ติดต่อพี่ พี่เป็นภรรยาของคุณกอบเกียรติเอง" แล้วก็เขียนชื่อ-เบอร์มือถือมาในนามบัตรด้านหลัง

แต่กลับเป็นความผิดพลาดครั้งสำคัญ สำหรับโครงการนี้ ซึ่งพวกเราไม่เลือกไปนำเสนอพรรคอื่น เพราะผมเห็นว่า พรรคชาติไทยจริงใจกับคนพิการมากที่สุด และโครงการนี้ พวกผมจะแสดงความสามารถเต็มที่เพื่อทำให้พรรคชาติไทยมีจำนวน สส. ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมทั้งพิสูจน์ให้เห็นว่า พลังของคนในโลกอินเตอร์เน็ตนั้นมีมากมายแค่ไหน และถึงเวลาแล้วที่จะปฏิวัติการหาเสียงในรูปแบบใหม่ ซึ่งจะทำให้การซื้อ-ขายเสียงน้อยลง ทำให้ประชาชนได้มีโอกาสทราบข้อมูลของผู้สมัครได้มากขึ้น

ชักยาวแล้วครับ อ่านต่อตอนที่ 2 ได้เลยนะครับ

ขอบคุณครับ ที่เอาใจช่วย และติดตามอ่านครับ

ปรีดา ลิ้มนนทกุล (ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ)

2 comments:

  1. ผัว - เมีย ละเหี่ยใจ

    ReplyDelete
  2. ผมเห็นใจอย่างยิ่งเพราะผมเองก็ต้องต้องเจอปัญหามากมายในการทำงานกับคนที่เหมือนจะมีเกียรติ แต่ไร้ความสามารถ และยังฉ้อฉลเก่งอีกต่างหาก เห็นใจจริงๆครับ

    ReplyDelete